ผมเป็นลูกหลานของเกษตรกร
จำความได้ว่า ตั้งแต่ม. 1 ผมก็อยากเรียนเกษตร
เพราะปู่ย่าของผมเป็นเกษตรกร
ไปบ้านปู่ย่าทุกครั้ง
ปู่ย่าจะเอาข้าวในยุ้งข้างบ้านที่สีมาใหม่ๆ
ให้พวกเราใส่รถกลับบ้านมากินกันทุกปี
ครอบครัวของเรามีที่ดิน 100 ไร่
ไม่ใช่เพราะร่ำรวย แต่ปู่กับย่าเป็นคนขยัน
หักร้างถางพงเพื่อทำกิน จึงมีที่ดินทำกินมากมาย
ที่ดินแทบไม่มีมูลค่า เพราะอยู่หลังเขาในป่าในดง
พ่อและพี่น้องของพ่อเรียนจบมารับใช้ชาติ
จากหยาดเหงื่อที่หยดลงบนที่ทำกินของปู่และย่า
จนถึงวันนี้ครอบครัวของพ่อไม่เคยคิดขายที่ดิน
เพราะอยากทำประโยชน์จากผืนดินที่ปู่ย่าทิ้งไว้ให้
ผมมีโอกาสเรียนจบเกษตรสมดังตั้งใจ
สละตำแหน่งงานราชการที่อาจารย์เมตตาแนะนำ
มาทำงานเอกชนเพราะคิดว่าช่วยชาติได้เหมือนกัน
มีรุ่นพี่ 2 คนเป็นต้นแบบ
คนหนึ่งให้แนวคิดการช่วยเหลือเกษตรกร
อีกคนหนึ่งให้แรงจูงใจในการทำงาน
สรุปสั้นๆ จากแนวทางที่ได้จากพี่ๆ ทั้งสอง
"ดินคือพลังชีวิตของการเกษตร ดินดี พืชผลก็งาม
นำความรู้ที่เรียนมาเหล่านี้ ช่วยเหลือเกษตรกร"
นิยามข้างต้น แฝงเคล็ดวิชาที่จะทำให้เกษตรกร
ประสบความสำเร็จในวิชาชีพ
อยากจะบอกให้รู้ เผื่อจะยังไม่รู้
เกษตรกรได้น้อมนำแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง
ของพระเจ้าอยู่หัวมาใช้กับชีวิตมาโดยตลอด
เกษตรกรทำนาไม่ใช่เพราะเป็นเพียงวิถีชีวิต
แต่เป็นการสร้างความมั่นคงทางด้านอาหาร
เมื่อมีข้าวเต็มยุ้งฉาง นั่นคือสิ่งรับประกันว่า
ปีนั้นเกษตรกรจะไม่อดตาย หลังจากหน้านา
จึงปลูกพืชชนิดอื่นเพื่อสร้างรายได้
ข้าวที่เหลือจากการบริโภค จึงนำออกมาขาย
แล้วปลูกข้าวรอบใหม่ เพื่อสร้างความมั่นคง
ทางด้านอาหารในปีถัดไป
ผู้ปกครองประเทศคิดเอาเองว่า
ต้องช่วยเหลือเกษตรกรด้วยการห้ามทำนา
โดยไม่เข้าใจวิถีชีวิตของเกษตรกรโดยแท้จริง
เพียงเพราะคิดว่าเกษตรกรคิดไม่เป็น
ผมรู้สึกเจ็บปวดใจทุกครั้งที่รู้ว่าเกษตรกร
มักจะเป็นกลุ่มคนท้ายๆ ในห่วงโซ่สังคม
ที่คนจะนึกถึงและห่วงใย แล้วเสแสร้งว่าห่วงใย
โดยการจัดสรรต้นทุนทำกินให้กับเกษตรกร
ในรูปของสินเชื่อ มันคือการบ่มเพาะนิสัยที่ไม่ดี
และเป็นภาระที่เกษตรกรต้องแบกรับ
ถึงแม้จะไม่มีความต้องการเลยก็ตาม
รุ่นพี่ที่เคยไปเกาหลีใต้ เล่าให้ฟังว่า ที่เกาหลีใต้
มีสหกรณ์คอยจัดการผลผลิตให้กับเกษตรกร
ญี่ปุ่นมี JA ที่ช่วยเกษตรกรวางแผนบริหารจัดการ
จัดสรรปริมาณผลผลิตที่เกษตรกรต้องผลิต
ตามความต้องการของประชาชนในประเทศ
ทำไมเขาทำได้ เขาก็คิดแทนเกษตรกรเหมือนกัน
แต่เขาเอาเกษตรกรเป็นศูนย์กลางความคิด
ถ้าเกษตรกรอยู่รอด คนของเขาก็รอดทั้งประเทศ
ประเทศไทยเป็นประเทศที่เหมาะสมต่อการ
ผลิตอาหาร ทำการเกษตร ประเทศหนึ่งในโลก
แต่เกษตรกรไทยกลับมีโอกาสที่จะเข้าถึง
ความมั่งคั่งน้อยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
ผู้บริหารประเทศที่เข้ามาตลอดช่วงที่ผ่านมา
ก็เข้ามาเพียงเพื่อผลประโยชน์ของพวกพ้อง
หาประโยชน์กันต่อไปเถอะ
แต่ช่วยปกป้องเกษตรกรจากคนเอาเปรียบด้วย
อย่าปล่อยให้เกษตรกรตกเป็นเครื่องมือของใคร
ถ้าไม่มีความสามารถจะช่วยเหลือเกษตรกรได้
ก็นั่งดูเฉยๆ
อยากออกข่าวเยี่ยมเยียนเกษตรกร ก็ไปเถอะ
แต่อย่าไปให้เงินเขา จนเขาเสียวินัยการเงิน
อยากจะพูดว่าจะช่วยเหลือเกษตรกร พูดไปเถอะ
แต่ไม่ต้องช่วยจริงๆ หรอก เขาดูแลตัวเองได้
จำความได้ว่า ตั้งแต่ม. 1 ผมก็อยากเรียนเกษตร
เพราะปู่ย่าของผมเป็นเกษตรกร
ไปบ้านปู่ย่าทุกครั้ง
ปู่ย่าจะเอาข้าวในยุ้งข้างบ้านที่สีมาใหม่ๆ
ให้พวกเราใส่รถกลับบ้านมากินกันทุกปี
ครอบครัวของเรามีที่ดิน 100 ไร่
ไม่ใช่เพราะร่ำรวย แต่ปู่กับย่าเป็นคนขยัน
หักร้างถางพงเพื่อทำกิน จึงมีที่ดินทำกินมากมาย
ที่ดินแทบไม่มีมูลค่า เพราะอยู่หลังเขาในป่าในดง
พ่อและพี่น้องของพ่อเรียนจบมารับใช้ชาติ
จากหยาดเหงื่อที่หยดลงบนที่ทำกินของปู่และย่า
จนถึงวันนี้ครอบครัวของพ่อไม่เคยคิดขายที่ดิน
เพราะอยากทำประโยชน์จากผืนดินที่ปู่ย่าทิ้งไว้ให้
ผมมีโอกาสเรียนจบเกษตรสมดังตั้งใจ
สละตำแหน่งงานราชการที่อาจารย์เมตตาแนะนำ
มาทำงานเอกชนเพราะคิดว่าช่วยชาติได้เหมือนกัน
มีรุ่นพี่ 2 คนเป็นต้นแบบ
คนหนึ่งให้แนวคิดการช่วยเหลือเกษตรกร
อีกคนหนึ่งให้แรงจูงใจในการทำงาน
สรุปสั้นๆ จากแนวทางที่ได้จากพี่ๆ ทั้งสอง
"ดินคือพลังชีวิตของการเกษตร ดินดี พืชผลก็งาม
นำความรู้ที่เรียนมาเหล่านี้ ช่วยเหลือเกษตรกร"
นิยามข้างต้น แฝงเคล็ดวิชาที่จะทำให้เกษตรกร
ประสบความสำเร็จในวิชาชีพ
อยากจะบอกให้รู้ เผื่อจะยังไม่รู้
เกษตรกรได้น้อมนำแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง
ของพระเจ้าอยู่หัวมาใช้กับชีวิตมาโดยตลอด
เกษตรกรทำนาไม่ใช่เพราะเป็นเพียงวิถีชีวิต
แต่เป็นการสร้างความมั่นคงทางด้านอาหาร
เมื่อมีข้าวเต็มยุ้งฉาง นั่นคือสิ่งรับประกันว่า
ปีนั้นเกษตรกรจะไม่อดตาย หลังจากหน้านา
จึงปลูกพืชชนิดอื่นเพื่อสร้างรายได้
ข้าวที่เหลือจากการบริโภค จึงนำออกมาขาย
แล้วปลูกข้าวรอบใหม่ เพื่อสร้างความมั่นคง
ทางด้านอาหารในปีถัดไป
ผู้ปกครองประเทศคิดเอาเองว่า
ต้องช่วยเหลือเกษตรกรด้วยการห้ามทำนา
โดยไม่เข้าใจวิถีชีวิตของเกษตรกรโดยแท้จริง
เพียงเพราะคิดว่าเกษตรกรคิดไม่เป็น
ผมรู้สึกเจ็บปวดใจทุกครั้งที่รู้ว่าเกษตรกร
มักจะเป็นกลุ่มคนท้ายๆ ในห่วงโซ่สังคม
ที่คนจะนึกถึงและห่วงใย แล้วเสแสร้งว่าห่วงใย
โดยการจัดสรรต้นทุนทำกินให้กับเกษตรกร
ในรูปของสินเชื่อ มันคือการบ่มเพาะนิสัยที่ไม่ดี
และเป็นภาระที่เกษตรกรต้องแบกรับ
ถึงแม้จะไม่มีความต้องการเลยก็ตาม
รุ่นพี่ที่เคยไปเกาหลีใต้ เล่าให้ฟังว่า ที่เกาหลีใต้
มีสหกรณ์คอยจัดการผลผลิตให้กับเกษตรกร
ญี่ปุ่นมี JA ที่ช่วยเกษตรกรวางแผนบริหารจัดการ
จัดสรรปริมาณผลผลิตที่เกษตรกรต้องผลิต
ตามความต้องการของประชาชนในประเทศ
ทำไมเขาทำได้ เขาก็คิดแทนเกษตรกรเหมือนกัน
แต่เขาเอาเกษตรกรเป็นศูนย์กลางความคิด
ถ้าเกษตรกรอยู่รอด คนของเขาก็รอดทั้งประเทศ
ประเทศไทยเป็นประเทศที่เหมาะสมต่อการ
ผลิตอาหาร ทำการเกษตร ประเทศหนึ่งในโลก
แต่เกษตรกรไทยกลับมีโอกาสที่จะเข้าถึง
ความมั่งคั่งน้อยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
ผู้บริหารประเทศที่เข้ามาตลอดช่วงที่ผ่านมา
ก็เข้ามาเพียงเพื่อผลประโยชน์ของพวกพ้อง
หาประโยชน์กันต่อไปเถอะ
แต่ช่วยปกป้องเกษตรกรจากคนเอาเปรียบด้วย
อย่าปล่อยให้เกษตรกรตกเป็นเครื่องมือของใคร
ถ้าไม่มีความสามารถจะช่วยเหลือเกษตรกรได้
ก็นั่งดูเฉยๆ
อยากออกข่าวเยี่ยมเยียนเกษตรกร ก็ไปเถอะ
แต่อย่าไปให้เงินเขา จนเขาเสียวินัยการเงิน
อยากจะพูดว่าจะช่วยเหลือเกษตรกร พูดไปเถอะ
แต่ไม่ต้องช่วยจริงๆ หรอก เขาดูแลตัวเองได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น